WPEK5016R อเมริกาใต้ [บราซิล-เปรู-ชิลี-อาร์เจนติน่า] 16วัน EK [GIG-BAI] APR-OCT 2020
เซา เปาโล – ริโอ เดอ จาเนโร – น้ำตกอีกวาสุ – นั่งเรือเจ็ทมาคูคู – เขื่อนอีไตปู
ลิม่า – คูชโก – มาชูปิชู อาณาจักรอินคา – ซานติเอโก – ปาตาโกเนีย
*** เที่ยวสบายๆ มีเวลาในเมืองต่างๆอย่างเต็มอิ่ม ***
หัวหน้าทัวร์มืออาชีพ / สายการบินอิมิเรตส์ / อาหารพิเศษกุ้งมังกร, ซีฟู๊ด, บาบีคิว รสเลิศ
พักโรงแรมสี่ดาว / นั่งรถไฟชมวิวสู่เมืองโบราณมาชู ปิชู ที่ยิ่งใหญ่
วัน เวิลด์ ทัวร์ ขอนำเสนอ สุดยอดโปรแกรมการเดินทาง ที่จะทำให้ทุกท่านประทับใจ กับบรรยากาศ ความตื่นเต้น ความสนุกสนาน และสีสัน ของธรรมชาติ และวัฒนธรรมแห่งทวีปอเมริกาใต้ ที่ทุกคนยอมรับว่ายิ่งใหญ่และลึกลับที่สุดในการเดินทางต้องรู้ว่าเมืองไหนคุ้มค่าแก่การท่องเที่ยวควรอยู่นาน ควรอยู่สั้น ทางบริษัท วัน เวิลด์ ทัวร์ ขอบอกว่าเรารู้เส้นทางเกี่ยวกับอเมริกาใต้ เป็นอย่างดี และมั่นใจว่าทุกท่านจะประทับใจกับการเดินทางครั้งนี้อย่างแน่นอน
***นำท่านสัมผัส มาชูปิชู อาณาจักรอินคา*** สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่งรถไฟสายท่องเที่ยวสู่ดินแดนลึกลับที่เคยรุ่งเรืองมากที่สุดอาณาจักรหนึ่งแต่ได้สูญหายไปจากโลกนี้
***น้ำตก อีกวาสุ สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ*** ท่านจะตะลึงไปกับความยิ่งใหญ่ของน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเราจะนำท่านไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด
*** เที่ยวชมดินแดนปาตาโกเนีย *** ทั้งฝั่งชิลีและฝั่งอาร์เจนติน่า ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ทุกท่านจะต้องหลงรัก ชมธารน้ำแข็ง, ทะเลสาบ และดินแดน ชิลี ฟยอร์ด
วันที่1 | กรุงเทพฯ – ดูไบ |
22.00 | พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์ สายการบินอิมิเรสต์ แอร์ไลน์ Emirates Airlines โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวก |
วันที่2 | ดูไบ – ริโอ เดอ จาเนโร – ชมเมือง – หาดโคปาคาบาน่า |
01.05 | ออกเดินทางสู่กรุงดูไบ ประเทศสหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์โดยเที่ยวบินที่ EK385 (ประมาณ 6 ชั่วโมง) |
05.00 | เดินทางถึงสนามบินดูไบ ประเทศสหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ / นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก |
07.10 | ออกเดินทางสู่กรุง ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยสายการบินเอมิเรต เที่ยวบินที่ EK247(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง) |
15.00 | เดินทางถึงกรุง ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านออกเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง นำท่านชมเมืองริโอ เดอ จาเนโร ถูกค้นพบในเดือนมกราคม ค.ศ. 1565 และได้รับการขนานนามตามชื่อเดือนที่ ถูกค้นพบ โดย Estacio De Sa หลังจากที่ประกาศ อิสรภาพจากประเทศโปรตุเกส ริโอ จึงกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิล จนถึง ปี ค.ศ.1960 เมืองหลวงได้ย้ายไปอยู่ที่ Brasília แทนแต่เมืองนี้ยังคงเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านวัฒนธรรมและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของประเทศและยังเป็นเมืองหลวงของรัฐริโอ เดอ จาเนโร อีกด้วย นำท่านชมวิวริมชายหาดโคบาคาบาน่า ที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร และเป็นสถานที่หนึ่งซึ่งชาวบราซิลถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดเสียมิได้ |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร แบบบราซิเลียน บาบีคิว |
พักที่ | Windsor Leme Hotel / หรือเทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่3 | ริโอ เดอ จาเนโร – ชมเมือง – ยอดเขาชูการ์โลฟ ยอดเขาคอร์โควาโด – Christ the Redeemer |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พักนำท่านชมเมืองริโอ เดอ จาเนโร ถูกค้นพบในเดือนมกราคม ค.ศ. 1565 และได้รับการขนานนามตามชื่อเดือนที่ ถูกค้นพบ โดย Estacio De Sa หลังจากที่ประกาศ อิสรภาพจากประเทศโปรตุเกส ริโอ จึงกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิล จนถึง ปี ค.ศ.1960 เมืองหลวงได้ย้ายไปอยู่ที่ Brasília แทนแต่เมืองนี้ยังคงเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านวัฒนธรรมและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของประเทศและยังเป็นเมืองหลวงของรัฐริโอ เดอ จาเนโร อีกด้วย นำท่านขึ้นรถกระเช้าไปสู่ยอดเขาชูการ์โลฟ อันเป็นภูเขาที่สูงถึง 1,400 เมตร ตั้งอยู่บนปลายแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลแห่งอ่าวกัวนาบารา และยังตั้งอยู่โดดเด่นคู่กับภูเขาคอร์โควาโด เพื่อชมทิวทัศน์และภาพอันงดงามของเมืองริโอ ณ ยอดเขาชูการ์โลฟ ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงริโอ อีกด้วย |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านผ่านชมฟลาเมนโก พาร์ค สะพาน Neteroi ก่อนลัดเลาะเลียบชายฝั่งทะเล ผ่านชายหาด ที่มีชื่อเสียงก้องโลกบริเวณชายหาดโคปาคาบานาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวของชายหาดถึง 4 กิโลเมตรออกเดินทางโดยรถไฟ Funicular เพื่อเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาคอร์โควาโด(Corcovado) เพื่อชมรูปปั้นพระเยซูคริสต์ยืนอ้าแขนรอผู้ไถ่บาป“ ตั้งตระหง่านอย่างสง่าด้วยความสูงถึง 38 เมตร และยังได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
พักที่ | Windsor Leme Hotel / หรือเทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่4 | ริโอ เดอ จาเนโร – สนามมารากาน่า – เซอลารอน – อีกวาสุ |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พักนำท่านชมสนามกีฬามารากาน่า ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเหมือนวิหาร ของฟุตบอลบราซิล ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับสามของเมือง และเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองภาคภูมิใจมาก มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของฟุตบอลบราซิลเกิดขึ้นที่นี่มากมาย เช่น การยิงประตูที่ 1,000 ของเปเล่ ตำนานลูกหนังแซมบ้าเมื่อ 40 ปีก่อน และยังเป็นสนามที่เขาลงเล่นให้ทีมชาติเป็นนัดแรกด้วย สนามนี้ถูกใช้เป็นที่จัดพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพรวมถึงใช้จัดพิธีเปิดและปิดกีฬาโอลิมปิก 2016 อันยิ่งใหญ่ จากนั้นนำท่านเข้าสู่เขตเซอลารอนนำท่านเก็บภาพสีสันความสวยงามสไตล์สตรีทแบบบราซิล |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร / นำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน |
15.00 | ออกเดินทางสู่เมืองอีกวาสุโดยสายการบินภายในประเทศ เที่ยวบินที่…. |
17.15 | เดินทางถึง เดินทางถึง เมืองอีกวาสุ ฝั่งบราซิล นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
พักที่ | Bourbon Cataratas Convention & Spa Resort / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่5 | อีกวาสุ – ชมน้ำตกอีกวาซู – นั่งเรือเจ็ทมาคูคู – นั่งรถจิ๊ปชมป่า Devil’s Throat Trail – เขื่อนอิไตปุ – ลิม่า |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก นำท่านชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกอีกวาซู คำว่าอีกวาซู แปลว่า “สายน้ำอันยิ่งใหญ่” เป็นคำมาจากภาษากวารานี Guarani ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม น้ำตกอีกวาซูตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแองการาประมาณ 4 เท่า น้ำตกอีกวาซู เกิดจากแม่น้ำอีกวาซูซึ่งไหลมาจากที่ราบสูงปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตก ขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่อีก 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากถึงกว่า 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที แต่ในช่วงฤดูร้อน คือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำจะลดลงเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณรอบ ๆ น้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร ค้นพบโดยนักสำรวจชาวสเปนชื่อ Al Varo Nunes Cabeza De Veca เมื่อปี ค.ศ.1542 จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกสิ่งหนึ่งซึ่งท่านจะได้สัมผัส นำท่านนั่งรถจิ๊ปตะลุยป่าดงดิบ บริเวณน้ำตก ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากๆ ท่านจะได้ชมไม้ป่านานาชนิดที่หายาก และเพลิดเพลินกับธรรมชาติของป่าไม้ที่งดงามยิ่ง จากนั้นนำท่านลงนั่งเรือเจ็ท ล่องแม่น้ำอีกวาซู เพื่อชื่นชมกับความงดงามของน้ำตกแห่งนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมความสนุกสนาน ตื่นเต้นที่ท่านจะได้รับจากการล่องเรือเล่นคลื่นของน้ำตกแห่งนี้ ท่านจะได้ชมน้ำตกอีกวาซูฝั่งประเทศบราซิลซึ่งมีความสวยงามที่สุด |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเข้าชมความสวยงามของน้ำตกอีกวาสุ จากจุดชมวิว Devil’s Throat Trail ซึ่งท่านจะได้เก็บวิว ความสวยงามของน้ำตกอย่างจุใจ มีเวลาให้ท่านเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกจากงานฝีมือคนท้องถิ่น นำท่านออกเดินทางสู่เขื่อนพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิเขื่อนอิไตปู(Itaipu) คำว่าอิไตปู แปลว่า”เสียงเพลงจากก้อนหิน”มาจากภาษากวารานิ(Guarani)ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม เขื่อน อิไตปู เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ซึ่งในอดีตจัดได้ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนที่เขื่อนสามหุบเขาของจีนจะแล้วเสร็จ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1984 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1988 เขื่อนอิไตปูกั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศปรากวัย จึงทำให้เขื่อนนี้เป็นทั้งผนังกันน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองประเทศอีกด้วย เขื่อนอิไตปูเป็นเขื่อนคอนกรีตชนิดเขื่อนแบบกลวง มีขนาดความสูง 180 เมตร มีความยาวกว่า 8 กิโลเมตร ใช้คอนกรีตในการสร้างกว่า 28 ล้านตัน ซึ่งสามารถสร้างสนามฟุตบอลได้ 210 สนาม และใช้เหล็กมากขนาดสร้างหอไอเฟลได้ 380 หอเลยทีเดียว เมื่อสร้างเสร็จด้านเหนือเขื่อนจึงเกิดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า 1,550 ตารางกิโลเมตร ระยะทางยาวลึกขึ้นไปทางเหนือเขื่อนอีกกว่า 160 กิโลเมตร มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 18 เครื่อง มีกำลังการผลิต 12,600 เมกะวัตต์ จึงสามารถจ่ายไฟให้กับประเทศปรากวัยได้ทั้งประเทศรวมทั้งเมืองใหญ่ของบราซิลทั้งนครเซาเปาโล และนครริโอ เดอ จาเนโร ได้อย่างสบาย แต่ภายหลังได้มีโครงการเพิ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็น 20 เครื่อง ภายในปี 2550 และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 14,000 เมกะวัตต์ *** ท่านใดต้องการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิวน้ำตกแบบเบิร์ดอายวิว กรุณาติดต่อหัวหน้าทัวร์ *** |
คํ่า | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารจีน / ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน |
20.00 | ออกเดินทางสู่ กรุงลิม่า โดยเที่ยวบินที่ …. |
22.10 | เดินทางถึงกรุงลิม่า ประเทศเปรู จากนั้นนนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก |
พักที่ | Double tree El Pardo Lima / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่6 | ลิม่า – ชมเมือง – คูชโก – ชมเมืองเก่า |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / ออกเดินทางสู่สนามบิน |
10.00 | ออกเดินทางสู่คูชโกดินแดนแห่งมายา โดยสายการบินภายในประเทศแอร์เปรู เที่ยวบินที่…. |
11.30 | เดินทางถึงคูชโก นำท่านเดินทางสู่ย่านใจกลางเมือง คูชโก CUZCO นครหลวงโบราณของเปรู |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชมนครคูชโคซึ่งตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรืองทิ้งร่องรอยแห่งความเจริญไว้เป็นซากปรักหักพังโบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆ เมืองคูชโกเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอินคา ตามตำนานของอินคา เมืองคุชโก ถูกสร้างโดยปาชากูตี ผู้ซึ่งทำลายเมืองเก่าและสร้างกคูชโกใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรอินคาที่ยิ่งใหญ่ แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าเมืองนี้ได้ค่อย ๆพัฒนาขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนปาชากูตีแล้วเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือคูซโกตอนบน Hanan และคูซโกตอนล่าง Urin ซึ่งถูกแบ่งย่อยต่อไปอีกเป็น 4 เขต Suyu ได้แก่ ชินไชย์ซูยู (เขตตะวันตกเฉียงเหนือ) อันตีซูยู (เขตะวันออกเฉียงเหนือ) กุนตีซูยู (เขตตะวันตกเฉียงใต้) และกูยาซูยู (เขตตะวันออกเฉียงใต้) ถนนจากทั้งสี่ส่วนนี้เชื่อมต่อไปถึงสี่ภาคของอาณาจักร นำท่านชมวิหารถ้ำใต้ดินที่ประกอบศาสนพิธี ซากป้อมสังเกตการณ์ “ปูคาปูตารา” ทัมปูมาเช สถานพักผ่อนและสถานอาบน้ำที่ยังคงใช้การได้อยู่สิ่งเหล่านี้ได้แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของชาวอินคาที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง นำท่านเข้าชมกลุ่มป้อมปราการที่ยิ่งใหญ่ Sacsayhuaman สถานที่ป้องกันข้าศึกศัตรู อายุกว่า500ปี โดยการนำหินขนาดใหญ่มาต่อเรียงกัน เสมือนภาพจิกซอ ซึ่งรอยต่อแนบสนิทแม้กระดาษบางๆ ยังไม่สามารถผ่านได้ หินก้อนที่ใหญ่ที่สุดมี ความสูง 8.5 เมตร และน้ำหนักถึง 300 ตัน มีเวลาให้ท่านเก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มที่ |
คํ่า | รับประทานอาหารค่ำ ห้องอาหารโรงแรม |
พักที่ | Novotel Cusco Hotel / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่7 | คูชโก – นั่งรถไฟสู่มาชู ปิชู –ชมมาชูปิชู อาณาจักรอินคาโบราณ (สิ่งมหัศจรรย์ของโลก) – คูชโก |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พักจากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถไฟ นำท่านไต่เขาแอนด์ดีสอันลึกลับระหว่างทางในการนั่งรถไฟท่านจะได้ชื่นชมกับธรรมชาติที่แสนงดงามของเมืองต่างๆ ในเปรูสู่เมืองเก่ามาชู ปิชู (MACHU PICHU) นครที่สาบสูญไปของอาณาจักรอินคา บนยอดเขาสูงที่มักจะถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ เป็น นครที่มีผู้พยายามสำรวจค้นหาอยู่เป็นเวลานาน จนถึงปี 1911 นครแห่งนี้จึงปรากฏสู่สายตาชาวโลกในลักษณะสภาพเมือง บ้านเรือน พระราชวัง วิหาร ซึ่งยังคงสภาพเดิมที่ดีราวกับได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้อย่างน่าอัศจรรย์ |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชมนครลี้ลับ มาชูปิกชู สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ.1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา จนกระทั่งชาวสเปนได้ชัยชนะเหนือเปรู มาชู ปิชู จึงกลายเป็นเมืองร้าง จากฐานทางโบราณคดีแสดงหลักฐานว่า มาชูปิกชูไม่ได้เป็นกลุ่มหรือเมือง แต่เป็นการสร้างที่พักอาศัยของผู้ดีชาวอินคา (คล้าย ๆ กับบ้านพักตากอากาศของเศรษฐีชาวยุโรป) พื้นที่โดยส่วนใหญ่เป็นปราสาทและวัดที่สร้างเพื่อถวายแค่เทพพระเจ้าของชาวอินคา และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่สร้างเพื่อผู้ดูแลศาสนสถานมีการตั้งสมมุติฐานว่าในมาชูปิกชูมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่สูงสุดประมาณ 750 คน ณ ช่วงเวลาหนึ่ง บางส่วนจะอาศัยอยู่ในเมืองระหว่างฤดูฝน และจะกลับมาที่มาชู ปิชู เป็นชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น นำท่านชมบริเวณโดยรอบของมาชู ปิชู ได้เวลานำท่านเดินทางกลับโดยรถไฟชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามสู่เมืองคูชโค |
คํ่า | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร / นำคณะเดินทางเข้าสู่ที่พัก |
พักที่ | Novotel Cusco Hotel / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่8 | คุชโค – ชมเมือง – ลิม่า – ชมเมืองโบราณ |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน |
10.00 | ออกเดินทางสู่กรุงลิม่า โดยเที่ยวบินที่….. |
11.40 | เดินทางถึงลิม่า เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเปรู |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเดินทางสู่ (Pachacamac Ruins) ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้สร้างโลก” เป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นและสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างปี 800-1450 ก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลิมา ในอดีตปกครองโดยอาณาจักรอินคา บริเวณโดยรอบเป็นที่ตั้งของปิระมิดหลากหลายรูปแบบที่ได้มีการขุดค้นพบขึ้น และส่วนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดคือ วิหารปาชาคามา นำท่านเข้าชมภายในวิหารและโบราณสถานโดยรอบที่ได้ขุดค้นพบในเมืองนี้ และชมความยิ่งใหญ่ของเมืองโบราณแห่งอาณาจักรอินคาอีกแห่งหนึ่ง ได้เวลานำท่านแวะถ่ายรูปกับ Huaca Hualiamarca ซึ่งเป็นปิระมิดดินขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านให้นักท่องเที่ยวเก็บภาพและความน่าประทับใจ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ย่านกลางเมืองลิม่าเมืองหลวงของประเทศเปรู ที่มีความแตกต่างไปจากเมืองใหญ่อื่นๆ ในอเมริกาใต้ กรุงลิมายังสามารถ รักษาความเป็นลาตินอเมริกันไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด นำท่านผ่านชมศูนย์กลางเมืองทำเนียบประธานาธิบดี จตุรัสประชาธิปไตย อันสวยงาม อิสระทุกท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร / นำคณะเดินทางเข้าสู่ที่พัก |
พักที่ | Double tree El Pardo Lima / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่9 | ลิม่า – ซานติเอโก – ชมเมือง |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / ออกเดินทางสู่สนามบิน |
07.55 | ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานกรุงซานติเอโก ประเทศชิลี โดยเที่ยวบินที่ ….. |
12.25 | เดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงซานติเอโก ประเทศชิลี |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชมกรุงซานติอาโก (Santiago) เมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศชิลี ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 543 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซานติอาโกเมโทรโพลิแทนกว่าสามศตวรรษที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องได้เปลี่ยนให้ซานเตียโกเป็นเขตนครหลวงที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา ตัวเมืองมีความสวยงามเนื่องจากมีฉากหลังเป็นเทือกเขาแอนดิส ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี นำท่านขึ้นชมเนินเขา San Cristóbal Hill เป็นเนินเขาทางตอนเหนือของตัวเมือง สูงจากระดับน้ำทะเล 850 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แห่ง เมืองซานติอาโก ที่ท่านสามารถเก็บภาพพาโนรามาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของซันติอาโก เก็บภาพรูปปั้น La Virgen และอนุสรณ์สถานสำหรับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอล ที่สอง นอกจากนี้ยังมีร้านค้าของที่ระลึกมากมาย ได้เวลาสมควรนำท่าน เดินทางสู่เนินเขาซานต้า ลูเชีย (Santa Lucia) ซึ่งมีทิวทัศน์งดงาม หลบจากความแออัดของผู้คนย่านกลางเมืองมาหย่อนใจไปกับวิวกว้างไกลเหนือยอดอาคารสูงของซานเตียโก และเทือกเขาแอนดีส ชื่นชมศิลปะและสถาปัตยกรรมอันน่าประทับใจ หรือเลือกซื้อสินค้างานแฮนเมด ปลายศตวรรษที่ 19 ซานติเอโกได้ปรับภูมิทัศน์ของเขาแห่งนี้ให้กลายเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งรวมคู่รักวัยหนุ่มสาวและผู้ที่ต้องการจุดหลบพักจากความวุ่นวายของย่านใจกลางเมือง ตามธรรมเนียมดั้งเดิม จะมีการยิงปืนใหญ่จากเนินเขาทุกเที่ยงวันของวันธรรมดา นำท่านเก็บภาพ ป้อมปราการ Castle Hidalgo ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นศูนย์จัดกิจกรรมต่างๆ จัตุรัสหน้าอาคารปราสาทมีนั่งให้พักทอดสายตาชมทิวทัศน์ แวะเก็บภาพบริเวณอาคารทำเนียบรัฐบาล (La Moneda Palace) ที่ทำงานของประธานาธิบดี แห่ง ประเทศชิลี ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1784 ในสไตล์นีโอ คลาสสิค จากนั้นนำท่านชมเมืองย่านเบลลาวิสตา (Bella Vista) ท้องถนนที่รายเรียงไปด้วยภาพวาดฝาผนัง ร้านบูติค และผับบาร์คึกคักยามค่ำคืน เหล่านี้ทำให้ที่นี่เป็นย่านอันน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเบลลาวิสตา เป็นย่านหรือ “บาร์ริโอ” ที่รวมบรรยากาศ แบบโบฮีเมียนไว้ด้วยสถาปัตยกรรมหลากสีสันความงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ความบันเทิงยามค่ำคืน และแหล่งช้อปปิ้ง ย่านนี้เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาของร้านรวงต่างๆ ทั้งคาเฟ่, บาร์, แกลเลอรีและร้านเสื้อผ้ามากมาย |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | Novotel or Cumbre Vitacura Hotel / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่10 | ซานติเอโก – ปุนตาอาเรนัส – ปุเอต้า นาทาเลส |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / ออกเดินทางสู่สนามบิน |
10.37 | ออกเดินทางสู่สนามบินปุนต้า อรีน่า (Punta Arenas) โดยเที่ยวบินที่ ….. |
14.59 | เดินทางถึงเมืองปุนต้า อรีน่า จากนั้นนำท่านออกเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง ปุนตาอาเรนัสเป็นเมืองใหญ่ที่ทางใต้สุดของภูมิภาค Magallanes และ Antartica Chilena ของประเทศชิลี เมืองนี้ถูกเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น Magallanes ในปี 1927 แต่ในปี 1938 ก็เปลี่ยนเป็น “Punta Arenas” มีประชากรมากกว่า 100,000 คน และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีประชากรมากที่สุดทางใต้ของโลก มีความเจริญมากเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมัน และยังเป็นเมืองปลอดภาษี เสมือนเป็นประตูหน้าด่านสู่ขั่วโลกใต้ จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองปูเอตา นาทาเลส (Puerta Natales) |
บ่าย | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | Costaustralis Hotel / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่ 11 | ปุเอต้า นาทาเลส – อุทยานแห่งชาติ ตอร์เรส เดล เพน |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
13.00 | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินสู่บริเวณป่าลังก้า สู่จุดชมวิวารน้ำแข็งเกร์ (Grey Glacier) (เดินทางราบประมาณ 20 นาที) เป็นธารน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุทยานมีความกว้างถึง 6 กิโลเมตร และมีความหนาถึง 30 เมตร กินพื้นที่ถึง 270 ตารางกิโลเมตร มีเวลาให้ท่านชื่นชมธรรมชาติอย่างเต็มที่ ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ห้องอาหารโรงแรม |
พักที่ | Grey Hotel Torres del Paine / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่12 | ตอร์เรส เดล เพนท์ – เอล คาลาฟาเต้(อาร์เจนติน่า) |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมจากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองเอล คาลาฟาเต้(อาร์เจนติน่า) นำท่านผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคนไทยไม่ต้องทำวีซ่า ผ่านชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูมิภาคปาตาโกเนีย ชมวิถีชิวิตชชาวบ้านสองข้างทาง ผ่านชมทะเลสาบและยอดเขา Cerro Pináculo เดินทางถึงเมืองเอล คาลาฟาเต้ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Argentino Lake ที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน แบบ ปิกนิก(อาหารกล่อง) นำท่านชมความงดงามของเขตพาตาโกเนียของประเทศอาร์เจนติน่า เป็นเมืองหน้าด่านเพื่อเดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติลอส กลาซิอาเรส (LOS GLACIARES NATIONAL PARK) และธารน้ำแข็งเปริโต้ โมเรโน่ (PERITO MORENO GLACIER) เป็นอุทยานแห่งชาติระหว่างชิลี และอาร์เจนติน่า ชมธารน้ำแข็งเปริโต มอเรโน (PERITO MORENO) หนึ่งในธารน้ำแข็งที่เลื่องชื่อของอุทยานแห่งชาติกลาซิอาเรส ก่อตัวเป็นแนวกำแพงสูงถึง 160 ฟุต (50 เมตร) ตลอดแนวทะเลสาบ มีการแตกลั่นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดทั้งวัน ธารน้ำแข็งแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1981 ในฐานะเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ชมเมืองเอล คาลาฟาเต้ ชมย่านใจกลางเมืองเก่าที่มีอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบเฉพาะในช่วงยุคบุกเบิก นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง (GLACIERIUM) พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ล่าสุดของอาร์เจนติน่า ภายในเป็นแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับธารน้ำแข็งที่มีอยู่ในอาร์เจนติน่าให้ผู้คนได้ศึกษา |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ห้องอาหารโรงแรม |
พักที่ | Las Dunas Hotel, Kosten Aiken Hotel / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่ 13 | เอล คาลาฟาเต้ – ล่องเรือชมธารน้ำแข็งอุปซาลา –บัวโนส ไอเรส |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | ชมฟาร์มเอสตานเชีย (ESTANCIA’S FARMHOUSE) สถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง เดินทางต่อโดยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD (FOUR WHEEL DRIVE) ไปตามทางขึ้นเขาเพื่อขึ้นไปชมวิวบริเวณที่เรียกว่า VIEWPOINT ณ จุดนี้ท่านจะได้มองเห็นวิวของธารน้ำแข็งอุปซาลาได้รอบแบบพาโนรามา / ได้เวลาสมควร นำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน |
19.05 | เดินทางสู่บัวโนส ไอเรส โดยเที่ยวบินที่ AR1825 |
22.00 | เดินทางถึงบัวโนส ไอเรส (BUENOS AIRES) เมืองหลวงของอาร์เจนติน่า |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม |
พักที่ | Sheraton Hotel Buenos Aires / เทียบเท่าระดับใกล้เคียง |
วันที่ 14 | บัวโนส ไอเรส – ล่องเรือชมคลอง – ชมเมือง – สนามบิน |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชมกรุงบัวโนสไอเรส Buenos Aires นครหลวงของประเทศอาร์เจนติน่า เมืองใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และมีความหมายว่า “อากาศดีลมที่ดี” เป็นเมืองหลวง เมืองใหญ่ที่สุด และเมืองท่า ริมชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำรีโอเดลาปลาตา (Rio de la Plata) บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ตรงข้ามกับเมืองโกโลเนียเดลซากราเมนโต ประเทศอุรุกวัยเนื่องจากได้รับวัฒนธรรมยุโรปมาอย่างเข้มข้น บางครั้งบัวโนสไอเรสจึงถูกเรียกว่า “ปารีสใต้” หรือ “ปารีสแห่งอเมริกาใต้” เมืองนี้เป็นเมืองสมัยใหม่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา โดยมีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรม ชีวิตกลางคืน และกิจกรรมทางวัฒนธรรม หลังจากความขัดแย้งภายใน ในคริสต์ ศตวรรษที่ 19 บัวโนสไอเรสได้ถูกยกฐานะให้มีลักษณะเป็นเขตสหพันธ์และแยกออกจากจังหวัดบัวโนสไอเรส อาณาเขตของเมืองขยายครอบคลุมบริเวณเมืองเก่าเบลกราโน Belgrano และโฟลเรส Flores ซึ่งปัจจุบันทั้งสองเป็นย่านรอบ ๆ ของเมืองบางครั้งชาวอาร์เจนตินาเรียกเมืองนี้ว่ากาปีตัลเฟเดรัล Capital Federal เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างชื่อเมืองนี้กับจังหวัดบัวโนส ไอเรสที่มีชื่อเดียวกัน เมืองนี้ถูกประกาศเป็น นครปกครองตนเอง ดังนั้น ชื่อทางการของของเมืองนี้คือ นครปกครองตนเองบัวโนส ไอเรส Ciudad Autónoma de Buenos Aires นำท่านออกเดินทางสู่ชานเมืองเพื่อเดินทางสู่ท่าเรือ นำท่านล่องเรือชมความงามของแม่น้ำลำคลองย่านชานกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งเป็นชนบทที่สวยงามยิ่งเปรียบเสมือนนครเวนิสในอิตาลีทีเดียว |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชมหมู่บ้านแทงโก ซึ่งถือว่าเป็นสีสัน ที่แปลกตายิ่งเพราะหมู่บ้านชาวแทงโกนิยมสร้างบ้านเป็นสีสดใสและฉูดฉาดเหมาะแก่การบันทึกภาพ ชมย่านโบกา ดิสทริค อันเป็นย่านท่าเรือเก่าและเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวอิตาเลียน ชมมหาวิหารใหญ่ โรเซอแรตต้าที่ฝังศพของนายพลโฮเช่ เดอชานมาร์ดิน ผู้กอบกู้อิสรภาพแห่งอาร์เจนติน่า เดินทางถึงกรุงบัวโนส ไอเรส นำท่านชมทหารยามที่แต่งกายในเครื่องแบบเกรอนนาดิเยร์อย่างสง่างามหน้าวิหารสู่อุทยานป่าเลอโมด สวนเก่าแก่ที่สุดของเมืองเป็นสวนดอกไม้ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตกแต่งด้วยไม้พุ่มไม้ดอกละลานตา ภายในยังมีสระน้ำใสสงบ สนามเทนนิส ศูนย์กีฬา ภัตตาคาร สนามม้าแข่ง สนามฝึกขี่ม้า ลานอเนกประสงค์ สำหรับจัดมหกรรมต่าง ๆ กว้างขวางใหญ่โต นำท่านชมความงามของย่านชานเมืองบัวโรส ไอเรส โดยเฉพาะบ้านเรือนคหบดี คฤหาสน์ ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบินประธานาธิบดีโนโอลิโวส์ บริเวณเมมเบอร์คลับของผู้มีเงิน นำสู่ถนนอเวนิด้า เนิฟ เดอ ฮูลิโอ้ ” 9 กรกฎาคม” กว้างถึง 460 ฟุต นับเป็นถนนสายที่กว้างที่สุด แห่งหนึ่งของโลก มีร้านกาแฟริมบาทวิถีที่ขึ้นชื่อ เสมือนเดินอยู่ริมถนนชองเอลิเซ่ ในกรุงปารีส อิสระทุกท่านช้อปปิ้ง ในย่านใจกลางเมืองที่ เรียกว่า “ซองโตร” ย่านพลาซ่า เดอ มาโย บริเวณที่ตั้งทำเนียบรัฐบาลตึกรัฐสภา บ้านสีกุหลาบ “คาซา โรชาดา” โรงอุปรากร “เดอาโตร โกลอน” เป็นที่แสดงบัลเล่ต์และวงซิมโฟนี่ เป็นที่ที่นักแสดงทุกคนใฝ่ฝันที่จะก้าวขึ้นเวทีแห่งนี้ |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร / |
22.20 | ออกเดินทางสู่นครดูไบ โดยเที่ยวบินที่ EK248 |
วันที่ 15 | บัวโนส ไอเรส – ดูไบ ***** เดินทางผ่านเส้นแบ่งเขตเวลาสากล ***** |
23.55 | เดินทางถึงสนามบินดูไบ จากนั้นนำท่านต่อเครื่องสู่กรุงเทพฯ |
วันที่16 | ดูไบ – กรุงเทพฯ |
02.50 | ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK384 |
12.15 | เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ และความประทับใจ |
หมายเหตุ | โปรแกรมการเดินทางอาเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมะสม เนื่องจากสภาพ ลม ,ฟ้า , อากาศ,การล่าช้าอันเนื่องมาจากสายการบิน และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทางในขณะนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ได้มอบหมายให้ หัวหน้าทัวร์ผู้นำทัวร์ มีอำนาจตัดสินใจ ณ ขณะนั้นทั้งนี้การตัดสินใจ จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของหมู่คณะเป็นสำคัญ ทัวร์อิตาลีสวิสเซอร์แลนด์ |