WWE0104Y สงขลา-หาดใหญ่-ปัตตานี-ยะลา-เบตง 4 วัน 3 คืน [WE] JAN – APR 2021
ติดต่อเรา วันเวิลด์ทัวร์ 02-448-6338 // HOTLINE 085-557-3131
🌙เปิดประตูสู่ด้ามขวาน เส้นทางใต้สุดแดนสยาม สงขลา ยะลา ปัตตานี เบตง 4 วัน 3 คืน ไทยสไมล์🌙
✈️ เดินทางโดย : สายการบินไทยสไมล์ (WE)
🏨 โรงแรมที่พัก : แกรนด์แมนดารินเบตง / เซนทาราหาดใหญ่ หรือที่พักระดับใกล้เคียงตามมาตราฐาน
🚐 เดินทางโดยรถตู้ นำเที่ยว VIP 8 ท่านออกเดินทาง
🧤 ไหว้พระขอพร ณ “วัดช้างไห้”
👏🏻 นมัสการ พระพุทธไสยาสน์ ณ วัดคูหาภิมุข
💨 สัมผัสความงดงามของทะเลหมอก ยอดเขาไมโครเวฟ
🙇 ชมงาม “เจดีย์สแตนเลส” ณ วัดพระมหาเจดีย์ไตรภพไตรมงคล
☀️ นมัสการ “บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ” วัดพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ
🌺 เที่ยวชม “สวนดอกไม้เมืองหนาว หรือ สวนหมื่นบุปผา”
💫 แวะเก็บภาพทะเลหมอก สะพานไอเยอร์เวง ณ เบตง
⛵️เที่ยว“เกาะยอ” กลางทะเลสาบสงขลา
🕊 เดินเที่ยวชม ย่านเมืองเก่าสงขลา ตึกคลาสสิกสไตล์ชิโนโปรตุกีส
💦สัมผัสความงามของ “น้ำตกโตนงาช้าง” น้ำตกขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของภาคใต้
🔅ชม “อุโมงค์ปิยะฉัตร” ของเก่าน่าค้นหา
🕌 เก็บภาพความสวยงามของ “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา”
Tour Price
วันแรก | กรุงเทพฯ – หาดใหญ่ – ปัตตานี – มัสยิดกรือเซะ – ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว – วัดช้างให้ – เบตง – พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ – วัดพุทธาธิวาส |
05.30 | สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 เคาร์เตอร์สายการบินไทย(เคาเตอร์ C ) พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง |
07.30 | ออกเดินทางสู่ อ.หาดใหญ่ โดยสายการบินไทยสไมล์ เที่ยวบินที่ WE 259 |
09.00 | เดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่ |
นำท่านเดินทางสู่ “จังหวัดปัตตานี” จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพียบพร้อมด้วยแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เช่น มัสยิดกรือเซะ สุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวฯลฯ และพื้นที่ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งผืนป่า สายน้ำ และท้องทะเล นำท่านเดินทางสู่ “มัสยิดกรือเซะ” เป็นโบราณสถานเก่าแก่แห่งปัตตานี ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รู้จักกันอีกชื่อว่า “มัสยิดปิตูกรือบัน” ที่แปลว่ามัสยิดที่มีช่องประตูรูปโค้ง เนื่องจากประตูมัสยิดแห่งนี้มีด้านบนโค้งแหลมและโค้งมนแบบสถาปัตยกรรมตะวันออกกลาง มีตำนานที่กล่าวถึงการสร้างมัสยิดกรือเซะ หลากหลายเรื่องราว จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” ความศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองปัตตานีมาแต่โบราณ ตั้งอยู่ในตัวเมืองปัตตานี เป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นศูนย์รวมจิตใจและศูนย์รวมศรัทธาของชาวไทยเชื้อสายจีนในปัตตานี ในต่างจังหวัด และในต่างประเทศ ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “ศาลเจ้าเล่งจูเกียงหรือชื่อที่ชาวบ้านเรียก “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” | |
เที่ยง | บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น |
นำท่านสักการะ “วัดช้างให้ราษบูรณาราม” หรือ“วัดช้างให้” (119 กม.) เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตลอดถึงพุทธศาสนิกชนทั่วไป ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี วัดช้างให้ ถือว่าเป็นวัดต้นตำรับของหลวงปู่ทวด เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดและอัฐของท่านก็ถูกบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้ วัดช้างให้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อและเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัดปัตตานี ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบสักการะหลวงปู่ทวดอย่างไม่ขาดสาย ที่เรียกว่าเมื่อมาถึงปัตตานีดินแดนแห่งปลายด้ามขวานแล้วต้องแวะมาให้ได้ ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ “จังหวัดยะลา” เป็นเมืองชายแดนภาคใต้ที่มีความน่าสนใจทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชนต่างเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน และอิสลาม เข้าสู่ “เมืองเบตง” (158 กม.) อำเภอที่มีขนาดใหญ่ อยู่ในจังหวัดยะลาและนับเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย โดยมีลักษณะเป็นหัวหอกยื่นเข้าไปในประเทศมาเลเซีย คำว่า “เบตง” มาจากภาษามลายู แปลว่า ไม้ไผ่ เป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย นำท่านสู่ “พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ” ลักษณะเจดีย์ก่อสร้างแบบศรีวิชัยประยุกต์ สีทองอร่าม สูง 39.9 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา จากเจดีย์สามารถมองเห็นทัศนียภาพของวัดและเมืองเบตงอีกมุมได้อย่างสวยงาม จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ “วัดพุทธาธิวาส” ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขามีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศตั้งโดดเด่นมองเห็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์สวยงามมาก บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ “วัดพุทธาธิวาส” เดิมชื่อ “วัดเบตง” เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเบตงมาช้านาน ในวัดมีเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ที่หมายถึงการประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า ตั้งเด่นเป็นสง่าด้วยศิลปะศรีวิชัยอันสวยงามสมส่วน | |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรม Grand Mandarin Betong Hotel เบตง หรือที่พักระดับใกล้เคียง |
วันที่สอง | เบตง – จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง – สวนดอกไม้เมืองหนาว – อุโมงค์ปิยะมิตร – บ่อน้ำร้อนเบตง – สตรีทอาร์ต |
นำท่านออกเดินทางสู่ “ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง” เพื่อเข้าสู่ จุดชมวิวทะเลหมอก “ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่ขึ้นชื่อของเบตงและมีทะเลหมอกให้ชมตลอดทั้งปี ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเบตง ประมาณ 40 กิโลเมตร ในพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร เป็นทะเลหมอกที่ใหญ่และสวยงาม ในช่วงเวลาเช้าจุดชมวิวแห่งนี้จะกลายเป็นสวรรค์บนดินเปิดให้นักท่องเที่ยวเต็มอิ่มกับทะเลหมอก สัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์ และทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาไมโครเวฟ | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ “สวนไม้ดอกเมืองหนาว” นำท่านเข้าชม “สวนไม้ดอกเมืองหนาว” หรือเรียกว่า “สวนหมื่นบุปผา” เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง คอยเชื้อเชิญผู้มาเยือน ได้แก่ แอสเตอร์ ไฮเดรนเยีย เบญจมาศ กุหลาบ พีค๊อก เยอบีร่า ลิลลี่ แกลดิโอลัส ตุ้มหูนางฟ้า และอีกหลายสายพันธุ์อันมีเสน่ห์ สมชื่อ สวนหมื่นบุปผา | |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น |
นำท่านเยี่ยมชม “อุโมงค์ปิยะมิตร” บริเวณนี้เป็นหมู่บ้านของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเดิมเคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา อุโมงค์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 เป็นอุโมงค์คดเคี้ยวเข้าไปในภูเขายาวประมาณ 1 กิโลเมตร ความกว้างประมาณ 50-60 ฟุต ใช้เวลาในการขุด 3 เดือน มีทางเข้าออกหลายทาง ใช้เป็นที่หลบภัยทางอากาศและสะสมเสบียง บริเวณภายนอกอุโมงค์ ซึ่งเคยเป็นลานกว้างสำหรับฝึกกำลังพล ปัจจุบันมีการจัดนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เพื่อให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว ให้ทุกท่านเก็บภาพกับตนไทรพันปี มีโพรงขนาดใหญ่ 2 โพรง ส่วนบริเวณลำต้นสามารถให้เราเดินลอดได้ จนได้เวลาอันสมควร นำท่านแวะชม “บ่อน้ำร้อนเบตง” บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ใต้สุดสยามบนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อยู่ห่างตัวเมืองเบตงไปตาม ทางหลวงหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ประมาณ 5 กิโลเมตร และแยกเข้าไปตามทางเข้าบ่อน้ำร้อนอีกประมาณ 7 กิโลเมตร ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางชม STREET ART ของเบตง ที่สะท้อนเรื่องราวและวิถีชีวิตของชาวเบตง | |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น |
ที่พัก | โรงแรม Grand Mandarin Betong Hotel เบตง หรือที่พักระดับใกล้เคียง |
วันที่สาม | เบตง – วัดหน้าถ้ำ – ย่านเมืองเก่าสงขลา – เกาะยอ – มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา – หาดใหญ่ |
นำท่านเดินทางสู่ “วัดถ้ำคูหาภิมุข” หรือ “วัดหน้าถ้ำ” (134 กม.) เป็นหนึ่งในสามปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ แสดงความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธในบริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ภายในถ้ำมีลักษณะคล้ายห้องโถงใหญ่ ดัดแปลงปรับปรุงเป็นศาสนสถาน มีปล่องที่เพดานถ้ำยามแสงแดดส่องลงมาดูสวยงาม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่ปี พ.ศ. 1300 | |
เที่ยง | บริการอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหารท้องถิ่น |
นำท่านเดินทางสู่ “ย่านเมืองเก่าสงขลา” (133 กม.) ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยว 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม เป็นถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมที่งดงาม ที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ มีห้องแถวไม้แบบจีน ตึกคลาสสิกสไตล์ ชิโนโปรตุกีส และยังมีอาคารตึกแถวแบบจีนโบราณของชาวจีนฮกเกี้ยนอยู่ปะปนกันทั้งสองฟากฝั่งถนน นอกจากนี้ตามอาคารบ้านเรือนบางหลังยังมีภาพสตรีทอาร์ทน่ารักที่สะท้อนเรื่องราวของความเป็นเมืองสงขลา ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอีกด้วย ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ “เกาะยอ” เป็นเกาะหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง หมู่บ้านเกาะยอถือเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของสงขลา สภาพทั่วไปบนเกาะยอนั้นส่วนใหญ่เป็นภูเขาไม่สูงนัก มีที่ราบเชิงเขาติดทะเล และมีที่ราบกว้างทางตอนใต้ของเกาะยอ โดยไฮไลต์บนเกาะยอ เรียนรู้การทำสวนผลไม้แบบสุมรุม หรือสวนสมรม ที่เป็นการปลูกผลไม้หลากหลายชนิด อยู่ภายในสวนเดียว นั่นหมายความว่าผลไม้จะผลัดกันให้ผลผลิตตลอดปี เช่น ส้มโอ มะพร้าว ขนุน และผลไม้ที่มีชื่อของเกาะยอ นำท่านท่องไปในเส้นทางสายวัฒนธรรมบนเกาะยอ ซึ่งเป็นความพยายามของชุมชนที่ร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงามให้ดำรงอยู่สืบไป นำท่านชม “วัดท้ายยอ” วัดเก่าแก่ของตำบลเกาะยอ ในประวัติบ่งบอกไว้ว่าเป็นวัดแรกบนเกาะยอ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2311 สมาคมสถาปนิกสยามสันนิษฐานว่า น่าจะสร้างในช่วงรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากการใช้วัสดุกระเบื้องเกาะยอเริ่มทำขึ้นโดยชาวจีนและนิยมแพร่หลายในสมัยนั้น หรือจะสร้างในช่วงรัชกาลที่ 4 ที่เปลี่ยนมาเป็นวัดธรรมยุตินิกาย ร่วมสมัยกับเจดีย์บนเขาพิหารเป็นเจดีย์ทรงลังกา ศิลปะร่วมสมัยรัชกาลที่ 4 อิสระให้ท่านเก็บภาพความงดงามตามอัธยาศัย | |
ค่ำ | บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร |
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ “อำเภอหาดใหญ่” เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสงขลา เป็นที่ตั้งของเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภาคใต้ โดยที่หาดใหญ่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการท่องเที่ยวและเป็นศูนย์รวมของสินค้าหลักในภาคใต้ตอนล่าง ระหว่างทางนำท่านเก็บภาพ “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” หรือ “มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม” ศูนย์รวมจิตใจชาวมุสลิม เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่และสถาปัตยกรรมที่งดงาม ด้านในตกแต่งอย่างสวยงามมีความวิจิตร มัสยิดกลางแห่งนี้โดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่อยู่บนภูเขาในสวนสาธารณะหาดใหญ่ มัสยิดแห่งนี้ ได้รับการขนานนามว่า “ทัชมาฮาลเมืองไทย” หากมาในช่วงเย็น-ค่ำ มัสยิดจะมีการเปิดไฟสว่าง มีฉากหลังของท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก | |
ที่พัก | โรงแรม เซ็นทารา หาดใหญ่ หรือที่พักระดับใกล้เคียง |
วันที่สี่ | หาดใหญ่ – น้ำตกโตนงาช้าง – วัดพระมหาเจดีย์ไตภพไตรมงคล – วัดฉื่อฉาง – ตลาดกิมหยง – สนามบินหาดใหญ่ – กรุงเทพฯ |
เช้า | บริการอาหารมื้อเช้า ที่ ห้องอาหารของโรงแรม |
นำท่านเดินทางสู่ “น้ำตกโตนงาช้าง” เป็นน้ำตกที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในภาคใต้ และของจังหวัดสงขลา น้ำตกโตนงาช้างมี 7 ชั้นชั้นที่มีชื่อเสียงมี่สุดคือโตนงาช้างซึ่งเป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตกซึ่งสายน้ำตกแยกออกเป็นสองสายคล้ายงาช้างน้ำตกโตนงาช้างนี้อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างมีการจัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ บริการนักท่องเที่ยวมีทางเดินศึกษาธรรมชาติและเที่ยวชมน้ำตกชั้นต่าง ๆ หากจะ ชมน้ำตกให้ครบทุกชั้นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรสำหรับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ได้แก่ ชั้นที่ 1.โตนบ้า , ชั้นที่ 2.โตนปลิว , ชั้นที่ 3.โตนงาช้าง , ชั้นที่ 4.โตนดำ , ชั้นที่ 5.โตนน้ำปล่อย , ชั้นที่ 6.โตนฤาษีคอยบ่อ , ชั้นที่ 7.โตนเหม็ดชุน ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ “หาดใหญ่” | |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ “วัดพระมหาเจดีย์ไตรภพไตรมงคล” หรือ “เจดีย์สเตนเลส” ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเขาคอหงส์ โดยองค์พระเจดีย์มีความงดงาม และแปลกตาโดยโครงเหล็กทุกชิ้นเป็นสแตนเลสทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็น เจดีย์สแตนเลสหนึ่งเดียวในโลก พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภไตรมงคล สร้างขึ้นเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ 60 ปี อีกทั้งยังสร้างเพื่อเป็นศูนย์รวมใจสืบสานพระพุทธศาสนาขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม ประเพณีไทย การเผยแพร่พุทธประวัติและพุทธจริยวัตรสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้น ให้ท่านได้ไหว้พระขอพร “วัดฉื่อฉาง” วัดแห่งนี้มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า “ฉื่อเสี่ยงหยี่” หากแปลเป็นภาษาไทยได้ใจความว่า “วัดเมตตากุศล” เป็นวัดจีนแห่งแรกของเมืองหาดใหญ่ เป็นวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน โดยในอดีตวัดแห่งนี้เป็นเพียงศาลเจ้าเล็กๆ หรือที่เรียกว่า “ศาลเจ้าหลื่อโจ้ว” เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2479 โดยชาวจีนที่เข้ามาทำการค้าขายในเมืองหาดใหญ่ ต่อมาปี พ.ศ. 2480 ได้มีการมอบถวายศาลเจ้าแห่งนี้ให้กับพระภิกษุจีน ที่เดินทางจาริกมาจากประเทศจีน เพื่อยกฐานะจากศาลเจ้าให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน (วัดจีน) จากนั้นปี พ.ศ.2491 ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดจีนแห่งนี้ขึ้นใหม่และได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีน มีการบูรณะออกแบบด้วยศิลปะไทย จีนและธิเบต อีกทั้งตกแต่งทั้งภายนอกและภายในได้อย่างวิจิตรสวยงามอย่างยิ่ง ได้เวลาอันสมควร นำท่านสู่ “ตลาดกิมหยง” ตลาดที่เป็นเอกลักษณ์ของหาดใหญ่ ซึ่งมีสินค้าให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่นเด็ก ตลอดจนเครื่องใช้ในครัวเรือน อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร |
18.00 | นำท่านเดินทางเข้าสู่ “สนามบินหาดใหญ่” |
20.45 | ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯโดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ WE 268 |
22.15 | เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ |
เบตง หรือที่คนในท้องถิ่นเรียกว่า บือตง เป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ที่อยู่ในจังหวัดยะลา นับเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย โดยมีลักษณะเป็นหัวหอกยื่นเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ในแนวทิวเขาสันกาลาคีรี มีเนื้อที่ประมาณ 1,328 ตารางกิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 140 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 1,220 กิโลเมตร ด้วยภูมิประเทศของอำเภอเบตงส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงจึงทำให้เบตงมีอากาศดี และมีหมอกตลอดปี ดังคำขวัญประจำอำเภอที่ว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” ชื่อเดิมของอำเภอเบตงคือ ยะรม เป็นภาษามลายูมีความหมายว่า “เข็มเย็บผ้า” ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2473 อำเภอยะรมได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอเบตงในปัจจุบัน ซึ่งคำว่า เบตง มาจากภาษามลายู ว่า “Buluh Betong” หมายถึง “ไม้ไผ่ขนาดใหญ่” คือ ไผ่ตง ซึ่งมีอยู่มากในท้องถิ่น ต้นไผ่ตงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอำเภอเบตง
|