One world

วันจันทร์-ศุกร์ 09.00-18.00 น.
วันเสาร์ 09.00-13.00 น.

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #THECOMPASS ONE WORLD TOUR AND TRAVEL

March 23, 2021 | by One world

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #1 – หมู่บ้าน ‘อ็องกีเชม’ (Eguisheim) เมือง โอ-แร็ง (Haut-Rhin) แคว้นอัลซาส (Alsace) หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์แห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านเก่าสีพาสเทลที่มาพร้อมกับหลังคาทรงแหลม หน้าจั่วกรอบไม้ ระเบียงที่เต็มไปด้วยดอกไม้ และถนนคดเคี้ยวและปูด้วยหินกรวดที่แผ่กระจายออกไปรอบๆ ปราสาท ที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยอาคารครึ่งไม้แบบดั้งเดิมในยุคกลางทาสีสดใสเช่นเดียวกับอาคารหลายหลังในอัลซาส นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ที่ชาวโรมันได้ปลูกองุ่นเถาแรกในอ็องกีเชม ทำให้อัลซาสเป็นแหล่งกำเนิดของไร่องุ่นพันธุ์ Alsatian ผู้ปลูกไวน์หลายชั่วอายุคนต่างหลงใหลในการผสมผสานประสบการณ์ที่ยาวนานหลายศตวรรษเข้ากับประเพณีและไวน์คุณภาพสูงของพวกเขา อ็องกีเชมตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสที่ระดับความสูง 210 เมตรบนเนินเขาที่ปลูกด้วยเถาองุ่น อยู่ห่างจากหมู่บ้าน ‘ริคเวียร์’ (Riquewihr) 17 กม. และห่างจาก ‘กอลมา’ (Comar) เพียง 5 กม. ใกล้กับเมืองใหญ่อย่าง สตราสบูร์ก, ไฟร์บูร์ก และ บาเซิล และยังเป็นบ้านเกิดของสมเด็จพระสันตปาปาเซนต์ลีโอที่ 9 ยิ่งทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกหมู่บ้านอ็องกีเชมยังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่ม Plus Beaux Villages de France ‘หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส’ ในปี 2003 และเป็นผู้ชนะรางวัล Grand Prix des Villes et Villages Fleuris de France ‘รางวัลเมืองและหมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับแห่งฝรั่งเศส’ ตั้งแต่ปี 1989 รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันในยุโรป Entente Florale * ในปี 2006 และได้รับรางวัล “หมู่บ้านที่ชาวฝรั่งเศสชื่นชอบ” ในปี 2013! นี่คงเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้หลายๆ คนอยากมาเยือนและอยากมีโอกาสได้เห็นหมู่บ้านที่ไม่ธรรมดาแห่งนี้ ‘อ็องกีเชม’ หมู่บ้านที่มีมนต์ขลังซึ่งไม่เพียงแต่ขโมยหัวใจของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาวฝรั่งเศสทั้งประเทศอีกด้วย!

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #2 หมู่บ้าน ‘แบนาเกกาเซอนัก’ (Beynac et Cazenac) เมืองดอร์ดอญ (Dordogne) แคว้น ‘นูแวลากีแตน’ (Nouvelle-Aquitaine) แคว้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส แบนาเกกาเซอนักคือหมู่บ้านที่มีเสน่ห์นในยุคกลางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ บ้านทั่วไปที่มีหลังคาสร้างด้วยหินที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ที่สวยงาม พื้นถนนที่ปูด้วยหินแคบๆ ขนาบข้างด้วยบ้านเก่าสีเบจ จัตุรัสที่ปูด้วยหิน และโบสถ์อันเงียบสงบซึ่งได้กลายมาเป็นโบสก์ Church of Sainte Marie หมู่บ้าน ‘แบนาเกกาเซอนัก’ เป็นหมู่บ้านที่งดงามซึ่งสามารถรักษาเสน่ห์ของยุคกลางไว้ได้ทั้งหมด จุดหมายปลายทางที่สวยงามแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าได้ชื่อว่าเป็น Plus Beaux Villages de France หรือ ‘หนึ่งในกลุ่มหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดของฝรั่งเศส’ ด้านบนเหนือหมู่บ้านคือป้อมปราการโบราณ Chateau de Beynac เป็นปราสาทในยุคกลางสมัยศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีและยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดในแถบตะวันตกเฉียงใต้ในภูมิภาคนี้ และยังคงเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีป้อมปราการที่น่าประทับใจที่สุดในหุบเขาดอร์ดอญ ตัวปราสาทตั้งตระหง่านอยู่ในชัยภูมิที่สำคัญบนหน้าผาหินปูนสูง 200 เมตร เหนือแม่น้ำดอร์ดอญ ในช่วงสงครามร้อยปีป้อมปราการแห่งนี้ เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของฝรั่งเศส ทำหน้าที่เป็นพรมแดนระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษ พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ หรือรู้จักกันดีในพระนามว่า ‘ริชาร์ดใจสิงห์’ (Richard the Lionheart) เคยมายื่นอยู่ในห้องโถงของปราสาทแห่งนี้และมองออกไปที่ ‘ปราสาทกัสแตลโน-เบรอเตอนู’ Château de Castelnau-Bretenoux ที่อยู่ในการครอบครองของอังกฤษ ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกด้านหนึ่งของปราสาทแห่งนี้

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #3 – Village de KerhinetBriere Regional Natural Park เป็นพื้นที่ที่มีบึงน้ำและลำคลองมากมาย ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลัวร์-อาต์ลองตีก (Loire-Atlantique) ทางตอนเหนือของแม่น้ำลัวร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศสรองจาก Camargue ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ในปี 1970 ภูมิภาคนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติเพื่อปกป้องสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีระบบนิเวศทางธรรมชาติที่หลากหลาย ประกอบด้วยลำคลอง บึง ป่าพรุและทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ของพืชต่างๆ กว่า 900 ชนิด และนกต่างๆ มากมาย เช่น นกบลูธรูท นกกระสา นกกระยาง และเป็ดน้ำจำนวนมาก กระท่อมมุงจากจำนวนมากเป็นที่รู้จักกันดีในภูมิภาคนี้ โดยกระท่อมมุงจากกว่าครึ่งในฝรั่งเศสตั้งอยู่ที่ Briere หมู่บ้าน Kerhinet นั้นงดงามราวกับภาพวาดและควรค่าแก่การเยี่ยมชม น่าทึ่งมากที่กระท่อมหลังคามุงจากเหล่านี้ถูกทิ้งร้างมานานหลายสิบปีKerhinet เป็นหมู่บ้านชาวนาและช่างทอผ้าทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกย์ครอง (Guérande) ประกอบด้วยกระท่อมมุงจากที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ 18 หลัง ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่สวยงามที่แสดงถึงวิถีชีวิตในอดีตและประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน หมู่บ้านได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมดโดย Briere Regional Natural Park โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษามรดกท้องถิ่นที่โดดเด่นนี้ไว้จึงทำให้กระท่อมมุงจากทั้ง 18 หลังในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 “ฟื้นขึ้นมา” ให้เราได้ชมอีกครั้ง

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #4 – ‘หมู่บ้านอีวัวร์’ (Yvoire) เมือง โอต-ซาวัว (Haute-Savoie) “ไข่มุกแห่งทะเลสาบเจนีวา” (la Perle du Lac Léman)หมู่บ้านอีวัวร์ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลสาบเจนีวาของฝรั่งเศสระหว่างเจนีวาและเมืองเอเวียง เป็นหมู่บ้านในยุคกลางที่สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 ประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรของอีวัวร์ย้อนกลับไปในปี 1306 เป็นช่วงเวลาที่ Château d’Yvoire หรือ ‘ปราสาทอีวัวร์’ ในทะเลสาบเจนีวามีบทบาทสำคัญในการปกป้องเส้นทางการค้าเชิงกลยุทธ์ผ่านเทือกเขาแอลป์และริมทะเลสาบ สร้างขึ้นโดย อมาเดอุสที่ 4 เคานต์แห่งซาวอย หมู่บ้านปลอดการจราจรแห่งนี้ได้รับการจัดการเพื่อรักษารูปลักษณ์ของยุคกลางไว้มากด้วยกำแพงเมืองและประตูปราสาทเก่าแก่ ถนนหินกรวดแคบๆ เสน่ห์ของอีวัวร์คือตรอกซอกซอยที่นำไปสู่ทะเลสาบเจนีวา ศูนย์กลางของหมู่บ้านคือป้อมปราการและเชิงเทินยุคกลางในศตวรรษที่ 14 ที่ใช้ในการปกป้องหมู่บ้านซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ถนนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสวยงามตลอดทั้งปี แต่มีเสน่ห์เป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเมื่อเต็มไปด้วยดอกไม้บานบนขอบหน้าต่างจากทุกระเบียงบ้านโบสถ์เซนต์แพนเครซสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 มียอดโดมรูปหัวหอมที่โดดเด่นซึ่งได้รับการต่อเติมที่ด้านบนของหอระฆังในปี 1854 ยอดหอคอยถูกหุ้มด้วยสเตนเลสและบานเกล็ดที่ปิดด้วยทองคำเปลวและมีสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์ส่องแสงแวววาวจากด้านบนส่องประกายราวกับประภาคารริมทะเลสาบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอีวัวร์เป็นหนึ่งในผู้ชนะการแข่งขันไม้ดอกระดับประเทศ (1992, 1995, 1998, 2001, 2007) นอกจากนี้อีวัวร์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส “Les Plus Beaux Villages de France” ตั้งแต่ปี 1982 และยังได้รับการจัดประเภทให้อยู่ในรายการ “Grand Prix national du fleurissement” ตั้งแต่ปี 1995 และได้รับเหรียญเงินจากการแข่งขันดอกไม้ยุโรปปี 2002 อีกด้วย

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #5 ลาร็อก-กาฌัก La Roque Gageac – หมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ‘Les Plus Beaux Villages de France’ ตั้งอยู่ที่เชิงผาหินปูนสูงตระหง่านริมฝั่งขวาของแม่น้ำดอร์ดอญ Dordogne ในเมืองเก่าแก่หลายศตวรรษที่ดูเหมือนจะแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่ยุคกลาง

เชื่อกันว่าที่ตั้งของลาร็อก-กาฌัก เป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะในสมัยกอล-โรมัน Gallo-Roman เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากการรุกรานของชาวไวกิ้งและสงครามมากมาย ลาร็อก-กาฌักได้รับการปรับปรุงพัฒนาป้อมปราการรูปแบบใหม่และการตั้งอยู่ในหน้าผาสูงทางทิศใต้ทำให้ป้อมปราการแห่งนี้มีความแข็งแกร่งตามธรรมชาติ

ป้อมปราการป้องกันที่แข็งแกร่งของ Troglodyte เป็นร่องรอยสำคัญของการก่อสร้างในศตวรรษที่ 12 ยังคงตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาสูงเหนือหมู่บ้าน 40 เมตร ด้านล่างของป้อมคืออาคารสไตล์เรเนสซองส์ Manoir de la Tarde ที่มีหอคอยทรงกลมเป็นเอกลักษณ์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา

บ้านสีเหลืองทองที่มีหลังคาแบบดั้งเดิมเรียงรายไปตามแม่น้ำและแผ่กระจายไปตามเนินเขา แม้ว่าแม้รูปทรงจะค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็มีบ้านหลังใหญ่ที่น่าประทับใจหลายหลัง ตรอกซอกซอยเล็ก ๆ หลายแห่งนำไปสู่เชิงหน้าผากับทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำ อาคารต่างๆ ถูกสะท้อนให้เห็นในผืนน้ำ

“กาบาเรส (Gabarres) เรือท้องแบนแบบดั้งเดิมช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับหมู่บ้านลาร็อก-กาฌัก เคยเป็นภาพที่คุ้นเคยบนแม่น้ำเมื่อใช้ในการขนส่งสินค้า ต่างๆ เช่น แร่ ไม้ ไวน์ และเกลือ จากเมืองโอแวร์ญ ไปยัง บอร์กโดซ์ตั้งแต่ยุคกลาง ปัจจุบัน กาบาเรส จำนวนมากถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อจุดประสงค์ในการท่องเที่ยวเท่านั้น

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #6 – “มูสติเย แซงต์ มารี” (Moustiers Sainte-Marie) …ใครก็ตามที่ต้องการค้นพบอัญมณีแห่ง Verdon ต้องแวะมาที่นี่!

หมู่บ้าน ‘มูสติเย แซงต์ มารี’ ตั้งอยู่ในเขต แอลป์ เดอ โอตโปรวองซ์ (Alpes-de-Haute-Provence) ในเขตอุทยานธรรมชาติประจำภูมิภาคของหุบเขา Verdon Canyon (Verdon Regional Nature Park) มีประวัติศาสตร์และมรดกทางสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ เช่น โบสถ์ กำแพง หมู่บ้านสีพาสเทล ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ระดับความสูง 630 เมตร โดยมีทะเลสาบ Sainte-Croix อยู่ทางตอนใต้ของหุบเขา

ตั้งแต่ปี 1981 มูสติเย แซงต์ มารี ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส เนื่องจากมีการอนุรักษ์ความรู้ของบรรพบุรุษไว้ซึ่งเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ปัจจุบันมูสติเย แซงต์ มารี มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 700 คน รายได้หลักของหมู่บ้านคือการท่องเที่ยวและผลิตเครื่องปั้นดินเผาชั้นดีที่สืบทอดกันมายาวนาน

ย่านเมืองเก่าประกอบด้วยถนนแคบๆ ที่อยู่ติดกับจัตุรัส โดยโบสถ์ Notre-Dame-de-l’Assomption ที่มีหอระฆังซึ่งสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโพรวองซ์ หอคอยนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 12 มีความสูง 22 เมตร เช่นเดียวกับในเมืองหรือหมู่บ้านในโพรวองซ์ทั่วไปที่ถนนหนทางภายในหมู่บ้านจะประดับประดาไปด้วยน้ำพุ

เหนือหมู่บ้านสร้างขึ้นในหน้าผาหินปูนสูงเป็นที่ตั้งของโบสถ์สไตล์โรมาเนสก์ – โกธิค Notre-Dame-de-Beauvoir ซึ่งเป็นโบสถ์สมัยศตวรรษที่ 14 ซึ่งตั้งอยู่บนหินสูง 830 เมตรเหนือหมูบ้าน สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเดินขึ้นบันไดหินอันคดเคี้ยวที่จะนำไปสู่ด้านบนเพื่อชมทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่เหนือที่ราบโดยรอบ ภูเขา ทะเลสาบ และทุ่งลาเวนเดอร์ผสมผสานกันเป็นทิวทัศน์อันน่าประทับใจ

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #7 – หมู่บ้าน ‘แซ็งต์ ซีรก์ ลาโปปี’ (Saint-Cirq-Lapopie)

หมู่บ้านยุคกลางตั้งอยู่สูงเหนือแม่น้ำลูต์ บนหน้าผาอันงดงามไปทางทิศตะวันออก ถนนที่ทอดยาวเรียงรายไปด้วยหน้าผาคดเคี้ยวไหลผ่านหุบเขาลูต์ (Lot Valley)

หมู่บ้านแห่งนี้ไม่เพียงแต่อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทานได้ ร้านค้าร้านอาหาร และคาเฟ่หลบแดดภายใต้ร่มเงาของซุ้มประตูสไตล์โกธิคที่นี้มีความกลมกลืนจนได้รับรางวัล “หมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส” และยังได้รับการโหวตให้เป็น ‘หมู่บ้านที่ชาวฝรั่งเศสชื่นชอบในปี 2012 “The Favourite Village of the French”

เมื่อเข้ามาในหมู่บ้านให้ความรูสึกเหมือนย้อนไปสู่ยุคกลาง ได้โดยตรงโดยเดินไปตามถนนถนนแคบ ๆ ที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ที่สวยงามหลายหลังซึ่งมีทั้งอาคารหินหรือไม้กลมกลืนกับหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13-16 และมักจะมีสวนหย่อมเล็กๆ ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามโดยรวมของหมู่บ้านรวมถึงโบสถ์สไตล์โกธิคที่ได้ซึ่งตั้งอยู่บนผาหินสูง

บนหน้าผาที่ยื่นออกมาที่ส่วนที่สูงที่สุดของหมู่บ้านคือซากของป้อมปราการทั้งสามที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่ แม้ว่าปราสาทที่แท้จริงจะหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่ยังคงสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งยุคกอล-โรมัน ถัดลงมาจากปราสาทคือโบสถ์สไตล์โรมันในศตวรรษที่ 15

ด้านล่างของหมู่บ้านติดกับแม่น้ำมีโรงสีและอาคารเก่าแก่หลายแห่งที่เป็นพยานถึงกิจกรรมของหมู่บ้านในหลายศตวรรษที่ผ่านมา André Robert Breton นักเขียนและกวีชาวฝรั่งเศส พูดถึง Saint-Cirq-Lapopie ในตอนที่มีพักที่หมู่บ้านนี้ว่า ‘ฉันไม่อยากอยู่ที่อื่นอีกต่อไป’แล้ว”

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #8 – หมู่บ้าน ‘เมอเนร์บส์’ Ménerbes, Vaucluse จัดอยู่ในกลุ่มหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส สร้างขึ้นบนเนินเขาล้อมรอบด้วยชนบทที่สวยงามในภูมิภาค ‘โปรวองซ์ แอลป์ โกตดาซู’ (Provence-Alpes-Côte d’Azur) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส จากการขุดค้นทางโบราณคดีได้ค้นพบซากของบ้านเรือนและสุสานโบราณที่มีอายุตั้งแต่สมัยโรมัน

ชื่อของหมู่บ้านมาจากเทพีโบราณ ‘Minerva’ ที่สวมหมวกเกราะสีทองซึ่งเป็นตัวแทนของศิลปะและการต่อสู้ของโรมัน ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Menerba และ Minerbium และชื่อสุดท้ายคือ Menerbes

ในปี 1573 ระหว่างสงครามศาสนากลุ่มอูว์เกอโน (Huguenots) ที่ชาวโปรเตสแตนต์ในฝรั่งเศสตั้งขึ้นได้ยึดครองหมู่บ้านนี้เป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่กองทัพคาทอลิกของสมเด็จพระสันตะปาปาและและกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสได้ปิดล้อมเป็นเวลา 15 เดือนและยึดกลับคืนมาได้ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.1578

แม้จะต้องเผชิญกับสงครามและความวุ่นวายในหลายศตวรรษมาแล้ว เมอเนร์บส์ก็ยังคงสภาพสมบูรณ์และได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างน่าอัศจรรย์! บ้านเก่าที่สวยงามบนถนนแคบๆ ที่คดเคี้ยวผ่านหมู่บ้านจากด้านล่างเรียงรายไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารไปจนถึงด้านบน จัตุรัสอันเงียบสงบ ทิวทัศน์ที่สวยงามรอบด้าน

ป้อมปราการอันสง่างามที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 12 ถึง 16 เป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับสงครามศาสนายังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน และทางเดินใต้ดินที่ชาวบ้านใช้เพื่อออกไปเสบียงในช่วงถูกปิดล้อม ปราสาทเก่าแก่ตั้งอยู่บนเทือกเขาลูเบอรอง โบสถ์ทางทิศตะวันออกและตรงกลางด้านบนสุดของหมู่บ้าน ศาลากลางหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นพร้อมกับหอระฆังศตวรรษที่ 17 และรอบๆ เป็นเชิงเทินในอดีต

ปัจจุบันเมอเนร์บส์ยังคงเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซ่อนตัวอย่างสงบบนยอดเขาลูเบอรอง Luberon ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส ทัศนียภาพด้านทิศเหนือยาวไปถึงเนินเขาโวกลูซ Monts de Vaucluse และภูเขาวองตูร์ Mont Ventoux ที่มีชื่อเสียงซึ่งมีชื่อเล่นว่า ‘ยักษ์แห่งโพรวองซ์’ รวมถึงไร่องุ่น และทุ่งลาเวนเดอร์ที่ทอดยาวอยู่เบื้องล่างของหมู่บ้านซึ่งอดีตอันยาวนานทางประวัติศาสตร์ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #9 – หมู่บ้าน Collonges-la-Rouge หมู่บ้านที่แปลกตาแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็น ‘การผสมผสานความแข็งแกร่งและความละเอียดอ่อน ความเรียบง่ายและความสง่างาม’ หินแต่ละก้อนเป็นพยานแห่งประวัติศาสตร์ จากอดีตที่เคยเป็นจุดแวะพักของผู้แสวงบุญระหว่างทางไปยัง ‘ซานติอาโก เดอ คอมโพสเตลา’ (Santiago de Compostela) ในประเทศสเปน

หมู่บ้านนี่ตั้งมาตั้งแต่สมัยกอล-โรมัน เคยเป็นที่มั่นของเคานต์แห่งตูเรนในศตวรรษที่ 14 และเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส สิ่งนี้อธิบายถึงการสร้างปราสาทและคฤหาสน์จำนวนมาก มีหอคอยมากถึง 25 หลัง

ความโดดเด่นของอาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยหินทรายสีแดงเข้มและหินชนวนที่มีเฉดสีเหลืองอมเทา หรือหินชนวนสีฟ้าเทา สีเขียวของเถาองุ่นที่เลื้อยอยู่บนผนังและพวงดอกวิสทีเรียที่รวมกันคล้ายดั่งจานสีที่แต่งแต้มอยู่ในหมู่บ้านแห่งความฝัน

โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Church of Saint-Pierre) ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 11 โดดเด่นมีหินปูนซึ่งตัดกับผนังหินทรายสีแดง มีหอระฆังที่มีหน้าจั่วแบบโรมันอันโอ่อ่าสูงกว่า 20 เมตร

น่าเสียดายที่ในศตวรรษที่ 19 หมู่บ้านนี้ตกอยู่ในสภาพที่เริ่มทรุดโทรม การบูรณะฟื้นฟูครั้งแรกเริ่มขึ้นในปี 1930 จนกลายเป็นหนึ่งในอัญมณีแห่งมรดกทางวัฒนธรรมในชนบทของฝรั่งเศส ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการว่าเป็น ‘หมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส’ และแนวความความคิดริเริ่มในการจัดกลุ่มหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส “Les Plus Beaux Villages De France” ได้เกิดขึ้นครั้งแรกที่หมู่บ้านแห่งนี้

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #10 – หมู่บ้าน ‘โลโครน็อง, บริตตานี (Locronan, Brittany) – ‘เมืองแห่งช่างทอผ้า’

โลโครน็องเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ในยุคกลาง ตั้งอยู่แคว้นเบรอตาญของฝรั่งเศส หมู่บ้านที่ไม่ธรรมดาและมีเสน่ห์ บ้านเรือนที่สร้างด้วยหินหินแกรนิตสีน้ำเงินที่มักพบได้ในท้องถิ่นแห่งนี้ อาคารที่สวยงามหลายแห่งทำหน้าที่เป็นฉากหลังให้กับการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง

ชื่อหมู่บ้าน มาจาก Saint Ronan นักบวชที่มาจากไอร์แลนด์ที่ได้นำความรู้และทักษะในการทอผ้ามาสอนให้ชาวเมือง จนทำให้หมู่บ้านมีชื่อเสียงในเรื่องของการทอผ้าลินินและผ้าสำหรับทำใบเรือ

เมื่อเดินไปถนนที่ปูด้วยหินและตรอกซอกซอยที่งดงามนำไปสู่ในใจกลางเมือง โบสถ์เซนต์โรนันสร้างขึ้นในปี 1424 ซึ่งเป็นโครงสร้างหินแกรนิตภายในมีห้องใต้ดินเป็นยางและมีหน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม บริเวณจัตุรัสเป็นที่ตั้งของ Chapel of Penity โบสถ์ขนาดเล็กสร้างด้วยหินแกรนิตสร้างขึ้นในปี 1480 รอบๆ จัตุรัสเรียงรายไปด้วยบ้านสไตล์เรอเนสซองส์ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจถึงช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรือง

ในศตวรรษที่ 17 การแข่งขันทางการค้ารุนแรงขึ้นและอุตสาหกรรมเรือใบในท้องถิ่นก็ค่อยๆ ลดลง สภาพความเป็นอยู่ของผู้ทอนั้นยากลำบากและโรคระบาดก็แพร่กระจายเข้ามาทำให้โลโครน็องเข้าสู่ยุคของความยากจน

แม้จะผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากมาหลายศตวรรษก็ตาม โลโครน็องได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้อย่างงดงามและได้รับเลือกให้เป็น ‘หมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส’ Les Plus Beaux Villages de France) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ในปี 1936

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #11 – กอร์เดส, โวกลูซ (Gordes, Vaucluse) – “หมู่บ้านที่สวยที่สุดอีกแห่งในฝรั่งเศส” และหลายคนยอมรับว่า ‘กอร์เดส’ เป็นยังหมู่บ้านบนยอดเขาที่สวยที่สุดในโพรวองซ์

หมู่บ้านกอร์เดสตั้งตระหง่านอยู่ที่ด้านข้างของภูเขาโวกลูซ ตรงข้ามกับเทือกเขาลูเบอรอง ประดับด้วยปราสาทยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาบนยอดเขาทำหน้าที่เป็นป้อมปราการตั้งแต่ศตวรรษที่ 10

นับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงที่ได้เดินเล่นไปตามถนนผ่านบ้านที่หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา หอคอย และโบสถ์หินที่สร้างบนไหล่เขา ถนนหินกรวดแคบๆ ที่คดเคี้ยวนำไปสู่บันไดจัตุรัสเล็กๆ ที่มีน้ำพุและคฤหาสน์ที่สวยงาม ภายในตามตรอกซอกซอยคับคั่งไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ และร้านกาแฟมากมายตั้งแต่แบบธรรมดาไปจนถึงแบบหรูหรา ความกลมกลืนที่ไม่ธรรมดาของหมู่บ้านหินและความงามตามธรรมชาติเหล่านี้เปรียบเสมือนเหมือนเป็นโปสการ์ดที่มีชีวิต

จิตกรที่มีชื่อเสียงมากมายหลายคนแสวงหาการปลอบประโลมและแรงบันดาลใจในหุบเขาที่สวยงามแห่งนี้ เช่น ปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์, ปาโบล ปิกาโซ, อ็องรี มาติส และ ฟินเซนต์ แวนโก๊ะ ต่างก็เคยจรดพู่กันลงสีบนผืนผ้าใบที่เมืองกอร์เดส

…หากยกให้ ‘ลูเบอรอง’ เป็นประเทศ ‘กอร์เดส’ เป็นเมืองหลวง นี่ก็คือวิหารพาร์เธนอนแห่งโพรวองซ์…

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #12 – แซ็งต์ พอล เดอ วองซ์ (Saint Paul de Vence) – เป็นหนึ่งในสมบัติที่มีชื่อเสียงที่สุดของโกตดาซูร์ หรือเฟรนช์ริวีเอรา ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านในเทพนิยายที่น่ามาเยือน

แซ็งต์ พอล เดอ วองซ์ เป็นหมู่บ้านบนยอดเขาที่มีเสน่ห์ในโพรวองซ์อยู่ห่างจากเมืองนีซเพียงหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเต็มไปด้วยหอศิลป์ร้านบูติกและคาเฟ่ริมทางเท้า มีผู้อยู่อาศัยตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล

ทางเดินเท้าแคบๆ ที่ประดับด้วยดอกไม้และบันไดหินจะพาคุณขึ้นไปยังหมู่บ้านโบราณที่มีกำแพงล้อมรอบ เมื่อเดินเข้ามาในหมู่บ้านจะสังเกตเห็นร้านขายของที่ระลึกและแกลเลอรีมากมายที่ขายผลงานศิลปะซึ่งมีให้เห็นตลอดเส้นทาง อาคารเก่าแก่หลายศตวรรษ จัตุรัสเล็ก ๆ กำแพงหินที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และรูปปั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกกำแพง ร้านค้าและน้ำพุโบราณมากมายทำให้ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสตอนใต้

แซ็งต์ พอล เดอ วองซ์ คือเมืองเมกกะของศิลปินที่มาที่นี่ตั้งแต่ปี 1920 เป็นต้นมา เช่น ปาโบล ปิกาโซ, ราอูล ดูฟี, อ็องรี มาติส และ มาร์ก ชากาล ได้มาพักที่นี่และสร้างผลงานของพวกเขา โดยเฉพาะชากาล อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ถึง 19 ปีและร่างของเขาถูกฝังอยู่ที่สุสานท้องถิ่นในหมู่บ้าน

สิ่งที่น่าทึ่งก็คือหมู่บ้านในยุคกลางนี้มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยว กระท่อมหินอายุหลายศตวรรษ และทัศนียภาพอันงดงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ระยิบระยับทำให้แซ็งต์ พอล เดอ วองซ์ ได้รับการยกย่องให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #13 – ‘ซินญอง’ (Saignon, Vaucluse) – หมู่บ้านที่สวยงามและเงียบสงบมักจะพบอยู่ในเขตโวกลูซในแคว้น ‘โปรวองซ์ แอลป์ โกตดาซู’ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส

โดยเฉพาะหมู่บ้าน ซินญองที่ตั้งตระหง่านบนความสูง 500 เมตรเหนือหุบเขาและมีทิวทัศน์ที่ทอดยาวของเทือกเขาลูเบอรองบนที่ราบสูง Les Claparedes

อาคารที่มีคุณค่าหลายแห่งได้รับการอนุรักษ์อย่าง เช่น อาราม Abbey of St. Eusebius ซึ่งสร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของพระราชวังเก่าแก่ในช่วงศตวรรษที่ 6 โบสถ์ Notre-Dame-de-Pitié ในรูปแบบโรมาเนสก์ที่สร้างขึ้นนอกกำแพง ซึ่งมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 และ 12 เป็นสถาานที่แสวงบุญของโพรวองซ์ทั้งหมด แต่ยังเป็นจุดแวะพักสำหรับผู้แสวงบุญชาวอิตาลีที่มุ่งหน้าไปยัง Santiago de Compostela นอกจากนี้ยังมีโบสถ์ Saint-Michel de Transi ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11

ความมั่งคั่งของหมู่บ้านเมื่อ 800 ปีก่อนสามารถเห็นได้จากสถาปัตยกรรมที่ยังคงความรุ่งโรจน์ ถนนสายเล็กๆ ที่คดเคี้ยว จัตุรัสเก่าแก่ที่สวยงามน่านั่ง น้ำพุและบ้านเก่าที่มีบานประตูและหน้าต่างสีพาสเทล

ซินญองเป็นหมู่บ้านที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินเตร็ดเตร่ มีร้านอาหารและร้านกาแฟมากมายที่เราสามารถนั่งบนระเบียงที่ร่มรื่นในแบบสบายๆ ชิลๆ และมองดูโลกที่หมุนไปอย่างช้าๆ

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #14 – เอซ, (Eze, Alpes-Maritimes) หมู่บ้านเอซนี้มาจากชื่อของเทพีไอซิสของอียิปต์โบราณโดยชาวฟินีเซียนที่ยึดครองดินแดนนี้ได้สร้างวิหารอุทิศให้กับเทพีของพวกเขา

เชื่อกันว่ามนุษย์รู้จักดินแดนนี้เมื่อ 19-20 ก่อนคริสตศักราชก่อนที่จะตกเป็นของชาวโรมันและชาวมัวร์ เชื่อกันว่าเมืองนี้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นภายใต้การปกครองของจักรพรรดิโรมันออกุสตุสและฟลาวิอุส

ในปี 1383 เอซถูกควบคุมโดยราชวงศ์ซาวอยที่รักษาความปลอดภัยให้กับเมืองด้วยป้อมปราการที่สร้างขึ้นใหม่ ในช่วงสองสามศตวรรษต่อมา เอซใช้ชีวิตผ่านความวุ่นวายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลางศตวรรษที่ 16 ได้เปลี่ยนความเป็นเจ้าของโดยส่งผ่านจากฝรั่งเศสไปยังตุรกี ในปี 1706 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ทำลายกำแพงป้อมปราการทั้งหมดในช่วงสงครามกับสเปน เอซได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการในปี 1860

‘เอซ’ เป็นหมู่บ้านยุคกลางบนยอดเขาที่สวยงามทางตอนใต้ของฝรั่งเศสระหว่างโมนาโกและนีซ หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงในด้านทัศนียภาพอันงดงาม สถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่สวยงามเหนือชายฝั่งริเวียร่าของฝรั่งเศส

จากระดับความสูง 427 เมตรเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ผ่านประตูป้อมปราการอันโอ่อ่าที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ถนนที่คดเคี้ยวและเชื่อมโยงกัน ซึ่งหินเก่าแก่ที่ประดับด้วยดอกไม้หลากสี โดยปกติแล้วสำหรับหมู่บ้านในยุคกลาง เมื่อเดินใต้ซุ้มประตูของบ้านและข้ามภูมิประเทศที่ไม่เรียบซึ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเมืองเล็ก ๆ โบราณแห่งนี้เท่านั้น ในโรงนาและคอกแกะในอดีต ร้านขายงานศิลปะและงานฝีมือที่เผยให้เห็นมรดกทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นอันยาวนานแก่ผู้มาเยือน

ปัจจุบันเอซเป็นสถานที่ที่เงียบสงบกว่ามากและกำแพงที่มีป้อมปราการเป็นที่ตั้งของสวนประติมากรรมหอศิลป์ห้องน้ำชาร้านขายของที่ระลึกและร้านบูติก มีโรงงานน้ำหอม Fragonard อยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านและมีสถานที่ขายสบู่เครื่องแก้วเครื่องประดับ ฯลฯ มากมาย

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #15 – หมู่บ้าน ‘เมเนแฮม’ (Meneham) มีเสน่ห์ด้วยเนินหญ้าและบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ หมู่บ้านชาวประมงอันงดงามที่มีบ้านหลังคามุงจากซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เมเนแฮมก่อตั้งขึ้นในปี 1756 เมื่อป้อมยามถูกสร้างขึ้นเพื่อเสริมระบบป้องกันชายฝั่ง ป้อมที่มีหลังคาหินตั้งอยู่ระหว่างโขดหินขนาดใหญ่สองก้อนใช้สำหรับไปสอดแนมทางทะเลในช่วงสงครามระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่อมาใช้เป็นพักของเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่รับผิดชอบในการเฝ้าดูและการค้าตามแนวชายฝั่ง ในปี 1860 เจ้าหน้าที่ศุลกากรและครอบครัวของพวกเขาอพยพออกจากเมเนแฮม ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 ก็ถูกแทนที่ด้วยชาวประมงและการเก็บเกี่ยวสาหร่ายจนกลายเป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หมู่บ้านถูกกวาดล้างโดยทหารเยอรมัน แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดชาวบ้านก็ค่อยๆ กลับมาอาศัยอย่างเดิม อย่างไรก็ตามในปี 1975 ชาวประมงเริ่มทยอยออกจากเมเนแฮม อาคารบ้านเรือนอยู่ในสภาพทรุดโทรม ร้านอาหารในหมู่บ้านปิดตัวลงในปี 1977 และชาวบ้านคนสุดท้ายจากไปในปี 2001

ในปี 1989 เริ่มการอนุรักษ์พื้นฟูอาคารที่เหลืออยู่และใช้วัสดุดั้งเดิมในการสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ ในปี 2002โครงการได้ดำเนินการอย่างจริงจังและงานบูรณะได้ดำเนินการระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2004 ถึงเดือนมิถุนายน ปี 2009

ปัจจุบันหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วโลกที่ต้องการมาชมความงามของเมเนเฮมหนึ่งใน ‘หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส’ ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของโลกยุคเก่าเอาไว้ได้

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #16 – หมู่บ้าน ‘ฟลาวิญี ซูร์ โอเซอแรง’ (Flavigny-sur-Ozerain, Côte-d’Or) โกตดิออร์ แคว้นบูร์กอญ ฟร็องช์-กงเต

หมู่บ้านฟลาวิญีเข้าสู่บันทึกประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการเมื่อ 52 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อ “เวอร์ซินเกโทริกซ์” (Vercingetorix) ซึ่งผู้นำที่แข็งแกร่งผู้รวบรวมชนเผ่ากอล (Gauls) เข้าต่อกรกับทัพของ ‘จูเลียส ซีซาร์’ (Julius Caesar) ผู้นำของกองทัพโรมัน ในอเลเซีย (Alicia) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพวกเขา

หมู่บ้านเล็กๆ ในยุคกลางตั้งอยู่ทางตะวันออกของฝรั่งเศส สร้างขึ้นรอบๆ อารามเบเนดิกตินแห่งแซงปีแยร์ (Benedictine Abbey of Saint-Pierre) ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8

ฟลาวิญีถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน “หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส” และยังเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่มีกลิ่นหอมมากที่สุดอีกด้วย กลิ่นหอมของโป๊ยกั๊กหรือ เม็ดยี่หร่า จะลอยออกมาจากโรงงานทำขนมที่กระจายอยู่ในทุกตรอกซอกซอยของหมู่บ้าน

เมืองที่ชีวิตดีงามน่าหลงใหลในความงดงามของสถาปัตยกรรมในยุคกลาง ฟลาวิญีบอกเล่าประวัติศาสตร์ในยุคกลางผ่านเชิงเทิน มีกำแพงที่แข็งแรงล้อมรอบถนนคดเคี้ยวแคบๆ ทึ่คดคี้ยวผ่านบ้านสไตล์เบอร์กันดีในยุคกลางแบบดั้งเดิม ประตูป้อมปราการ ตรอกซอกซอยที่ปูด้วยหิน ซึ่งล้วนเป็นพยานถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต

ในปี 2000 หมู่บ้านฟลาวิญียังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Chocolat ที่นำแสดงโดย Juliette Binoche และ Johnny Depp

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #17 – หมู่บ้าน ‘เล โบ เดอ โพรวองซ์’ (Les Baux-de-Provence) เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในใจกลางเนินเขาเล็กๆ ของเทือกเขาแอลป์ในโพรวองซ์

หมู่บ้านนี้ได้รับเลือกให้เป็น ‘หมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส’ ห่างจากเมือง ‘อาร์ลส์’ (Arles) 18 กม. และ เมือง ‘แซ็ง-เรมี-เดอ-พรอว็องส์’ (Saint-Rémy de Provence) 10 กม.

ในยุคกลางหมู่บ้านได้รับการจัดการโดยหนึ่งในตระกูลขุนนางหลักในโพรวองซ์โดยมีเมืองและป้อมปราการ 79 แห่ง ในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 หมู่บ้านก็ตกอยู่ในความครอบครองของราชวงศ์กรีมัลดีแห่งโมนาโก (Grimaldi)

หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสหมู่บ้านนี้ถูกผนวกเข้ากับฝรั่งเศส แต่ก็ถูกทำลายลงอย่างช้าๆ จากสงคราม และในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 มีผู้อยู่อาศัยเพียง 400 คน ต่างจากยุคกลางที่ประชากรของหมู่บ้านมีมากถึง 4,000 คน

หมู่บ้านนี้เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการพัฒนาการท่องเที่ยว ปัจจุบันได้รับการบูรณะพื้นฟู และสร้างขึ้นใหม่อย่างพิถีพิถันและมีเสน่ห์

หมู่บ้านนี้ทอดยาวไปตามไหล่เขาสูงชัน มีหุบเขาและกำแพงหินสูงทางด้านตะวันตกและสันเขาสูงยาวที่มีซากปรักหักพังของป้อมปราการที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 11 ถึง 13 อยู่ด้านบนทางด้านทิศตะวันออกและทิศใต้

เล โบ เดอ โพรวองซ์มีเสน่ห์มากพอที่จะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ถนนแคบคดเคี้ยวและงดงามมากที่ปูฟื้นหินกรวดได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่สองฝั่งเรียงรายไปด้วยบ้านสไตล์เรอเนสซองส์ที่ได้รับการบูรณะใหม่ จัตุรัส Saint-Vincent เป็นที่ตั้งของโบสถ์ Eglise St Vincent ที่มีหอระฆังที่สวยงามและถัดจากนั้นคือ Chapelles des Pénitents Blancs ซึ่งเป็นโบสถ์ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยใหม่ที่สวยงาม โดยรวมแล้วเล โบ เดอ โพรวองซ์ จัดเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่คุ้มค่าแก่การเยี่ยมชม

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #18 – หมู่บ้าน ‘โคอาเรซ’ (Coaraze) มีชื่อเรียกว่า “Village of the Sun” หรือ “หมู่บ้านแห่งดวงอาทิตย์” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในยุคกลางที่ได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน ‘หมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส’ ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สวยงามบนความสูง 650 เมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสบนเทือกเขา Alpes-Maritimes

Coaraze หรือ Castellum Cuade Rase ซึ่งแปลว่า “ตัดหาง” เล่ากันว่าครั้งหนึ่งชาวบ้านประสบความสำเร็จในการจับปีศาจด้วยการทากาวที่หาง เพื่อปลดปล่อยตัวเองปีศาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดหางจนขาดเพื่อแลกอิสระภาพของตัวเอง!

ปลดปล่อยให้จินตนาการโลดแล่นในขณะที่เดินเล่นบนถนนโบราณแคบๆ ที่ปูด้วยหินนำผู้มาเยือนเข้าสู่มิติเวลาอื่น ทางเดินโค้งและประตูเล็กๆ ทำให้เราได้เห็นหุบเขา น้ำพุ จัตุรัสที่มีแสงแดดอ่อนๆ ซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ทางเดินที่มีหลังคาโค้ง สวนโบราณที่มองทะลุไปยังหุบเขาเบื้องล่าง ที่เต็มไปด้วยต้นมะกอก สนไซเปรส ต้นโอ๊ก และต้นเกาลัด ถนนที่คดเคี้ยวนำไปสู่บ้านที่สร้างด้วยหินทาสีพาสเทล สีฟ้า สีชมพู หรือสีเหลืองล้อมรอบราวกับว่าอยู่ในช่วงเวลาที่แปรปรวนของประวัติศาสตร์และตำนานโบราณ

โบสถ์ Saint-Jean Baptiste บนจัตุรัสแห่งนั้นสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งจนเป็นตัวอย่างที่สวยงามของศิลปะบาโรกที่รุ่งเรืองในภูมิภาคในศตวรรษที่ 18

‘เพลิดเพลินกับช่วงเวลาพิเศษกับคนที่คุณรักและห่างไกลจากความเครียดในชีวิตประจำวัน’ ที่หมู่บ้านโคอาเรซ

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #19 – ‘โบรอง-ออง-นูจ’ (Beuvron-en-Auge) เป็น ‘หมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส’ อยู่ใกล้กับเมืองลิซิเออซ์ (Lisieux) และเมืองก็อง (Caen) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฝรั่งเศส

โบรอง-ออง-นูจเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทของนอร์มังดี เคยเป็นฐานที่มั่นของตระกูลฮาร์คอร์ท (Harcourt family) ที่สืบเชื้อสายมาจากไวกิ้งโบราณ

น่าประหลาดใจที่หมู่บ้านนี้ดูเหมือนหมู่บ้านในเทพนิยายที่เราอ่านตอนเป็นเด็ก บ้านเกือบทุกหลังในหมู่บ้านสร้างขึ้นในสไตล์ครึ่งไม้ที่สวยงาม สร้างมาขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 – 18 อาคารที่โดดเด่น เช่น โบสถ์เซนต์ไมเคิล ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในสไตล์โรมาเนสก์, โบสถ์เซนต์มาร์ติน สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ด้วยหินสีแดงถือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมในสไตล์นอร์มันที่งดงาม รวมถึงโรงแรมเก่าแก่ Boule d’Or Inn ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18

ทุกปีหมู่บ้านจะมีการจัดงาน Geranium Fair ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และ Cider Festival ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคมโดยเทศกาลไซเดอร์ (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หมักทำจากน้ำแอปเปิ้ล) และตลาดสินค้าท้องถิ่นขนาดใหญ่ นอกจากไซเดอร์ และ ‘คาลวาโดส’ (บรั่นดีที่ทำจากแอปเปิล) แล้วเรายังสามารถลิ้มรส ‘เตอกูเล่’ ซึ่งเป็นขนมของชาวนอร์มันที่ทำจากพุดดิ้งปรุงรสด้วยอบเชยอันเป็นเอกลักษณ์ของนอร์มังดีอีกด้วย

หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส #20 – ‘เวเซอเลย์’ (Vézelay), เบอร์กันดี – เป็นส่วนหนึ่งของ “หมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส” ตั้งอยู่บนเนินเขาทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Cure เวเซอเลย์ได้รับการจัดให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1979

เมื่อเข้าไปในหมู่บ้านผ่าน ประตูเมืองเก่า ‘Porte Neuve’ ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 อันโอ่อ่าซึ่งมีหอคอยสองหลังที่ด้านล่างของหมู่บ้าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการที่ครั้งหนึ่งเคยปกป้องหมู่บ้านที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 12 ถึงศตวรรษที่ 15

บ้านหลายหลังปัจจุบันเป็นร้านกาแฟ แกลเลอรี และร้านขายของฝากที่ระลึกมากมาย ถนนที่คดเคี้ยวแคบๆ สองสามแห่งมีอายุย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 15 ซึ่งทอดยาวออกไปจากถนนสายหลักล้อมรอบไปด้วยบ้านโบราณที่มีตัวอย่างสถาปัตยกรรมท้องถิ่นมากมายและบางส่วนของเชิงเทินดั้งเดิมที่ยังคงล้อมรอบหมู่บ้านไว้

ขณะที่เดินเล่นจะสังเกตเห็นเปลือกหอยที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน เปลือกหอยเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของนักแสวงบุญชาวฝรั่งเศสที่ออกเดินทางไปยังโบสถ์เซนต์เจมส์ที่ ซานติอาโก เดอ คอมโพสเตลา (Santiago de Compostella) ในประเทศสเปน อันเป็นหนึ่งในสี่เส้นทางหลักของผู้แสวงบุญเริ่มต้นจากมหาวิหารเซนต์แมรีแม็กดาลีน

ถนนยาวและสูงชันนำขึ้นไปจนถึง ‘มหาวิหารเซนต์แมรีแม็กดาลีน’ (Basilica of Saint Marie Madeleine) บจุดสูงสุดของหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันในศตวรรษที่ 12 เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอัฐิธาตุของ ‘เซนต์ แมรี แม็กดาลีน’ ซึ่งนำมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในศตวรรษที่ 9 ทำให้ผู้แสวงบุญจำนวนมากถูกดึงดูดไปที่วิหารแห่งนี้ จนกลายเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณที่สำคัญและยังเป็นจุดรวมพลของการเดินทางไปแสวงบุญที่สเปน

เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหาวิหารเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ (Richard I of England) หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์’ และ พระเจ้าฟีลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส (Philip II Augustus) ได้พบกันที่นี่เพื่อออกเดินทางไปทำสงครามครูเสดครั้งที่สามในปี ค.ศ.1190

ผู้แสวงบุญ ศิลปินมา และนักเดินทางท่องโลกต่างมาที่นี่เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจทางจิตวิญญาณดั่งเช่นที่เคยทำมาตลอดที่ผ่านมา

หากท่านสนใจเดินทางท่องเที่ยวฝรั่งเศส สามารถคลิ๊กดูโปรแกรม ได้จากลิงค์นี้ >> ทัวร์ฝรั่งเศส <<

บทความท่องเที่ยวนี้เป็นบทความให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ จัดทำโดย บริษัทวันเวิลด์ทัวร์แอนด์ทราเวลจำกัด อนุญาตให้ใช้เพื่อ การให้ความรู้ การอ้างอิงนำเสนองานทางการวิจัย การศึกษา ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในเชิงธุรกิจ หรือ แสวงหากำไร โดยมิได้รับอนุญาต

อ้างอิง วันเวิลด์ทัวร์แอนด์ทราเวลจำกัด. (2564). หมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส. สืบค้นจากอินเตอร์เน็ตเมื่อวันที่ …….. จากเว็บไซต์ www.oneworldtour.co.th